TOP ค่าคอมมิชชั่น SECRETS

Top ค่าคอมมิชชั่น Secrets

Top ค่าคอมมิชชั่น Secrets

Blog Article

เจ้านายกับลูกน้อง เปรียบได้กับ “ลิ้นกับฟัน”…

ประการแรกก่อนที่เราจะรับงาน เราควรจะมีฐานเงินเดือนในใจก่อนว่า ความสามารถของเรา วุฒิการศึกษาและประสบการณ์ของเราเหมาะสมกับเงินที่ได้รับหรือไม่ โดยหากมันไม่สมเหตุสมผล เราสามารถที่จะต่อรองในการเพิ่มเงินเดือน รวมถึงสัดส่วนของเงินเดือนกับค่าคอมมิชชั่นว่าเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดี อ่านรายละเอียดการใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา

ปัญหาว่า การจ่ายเงินค่าตอบแทนดังกล่าวถือเป็นเงินที่นายจ้างจ่าย โดยมี เจตนาที่จะให้เป็นค่าตอบแทนในการทำงานของลูกจ้างหรือเป็น “ค่าจ้าง” ที่ต้องนำมาเป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบหรือไม่

เรามักจะเห็นหลายๆ บริษัท จำกัดค่าคอมมิชชั่น เอาไว้เพียงเพราะกลัวว่าหากเซลขายได้มากจะต้องจ่ายค่าคอมเยอะตามไปด้วย ซึ่งจะทำให้พนักงานรู้สึกว่าถ้าถึงเพดานค่าคอมมิชชั่นแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องขายในเดือนนั้นอีก ไม่มีแรงจูงใจ บริษัทก็กระทบตามไปด้วย

ส่วนเงินจูงใจตกลงจ่ายให้เฉพาะพนักงานที่ทำยอดขายได้ตามเป้าที่กำหนด อันเป็นการจ่ายเพื่อจูงใจให้พนักงานทำยอดขายเพิ่มขึ้น ไม่ใช่เพื่อตอบแทนการทำงานโดยตรง อีกทั้งจ่ายเงินจูงใจเป็นรายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี อันไม่ใช่จ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติของวันทำงาน เงินจูงใจจึงไม่ใช่ค่าจ้าง

ข้อดี: ทำให้เซลอยากขายสินค้าที่มีกำไรเยอะ

เพราะในบางครั้งแม้จะให้ค่าคอมมิชชันที่สูง แต่ว่าเงินเดือนน้อยมาก เมื่อเทียบความสามารถของเรา คาสิโน ก็คงไม่คุ้มค่าที่รับทำงานที่นี่ เพราะว่าเราจะต้องขายสินค้าหรือบริการให้เยอะมาก ๆ ถึงจะมีรายได้ที่ตรงกับความต้องการของเรา หรือหากเงินเดือนสูงแต่คอมมิชชั่นน้อยก็ไม่คุ้มค่าที่จะออกไปขาย เพราะว่าคอมมิชชั่นที่ได้เป็นจำนวนเงินที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับเงินเดินเป็นต้น

ข้อดี: ยุติธรรมกับเซลที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูง กระตุ้นให้เซลอยากให้บริการลูกค้าดีๆ ทำให้ผลงานสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท

สรุปคือ หากจ่ายโดยไม่คำนึงว่าต้องทำดีกว่ามากว่ามาตรฐานปกติ คือทำมากทำน้อยก็จ่าย หากทำมากก็จ่ายมากทำน้อยก็จ่ายน้อย ไม่ถือเป็นแรงจูงใจ เช่น บริษัท ก มีหลักเกณฑ์การจ่ายค่านายหน้าแก่ลูกจ้างที่ขายสินค้าได้ไม่ว่าจะขายได้มากหรือน้อยก็จ่าย แต่หากขายได้น้อยจะจ่ายในอัตราที่ต่ำ ยิ่งขายได้มากก็ยิ่งจ่ายมากขึ้นในอัตราก้าวหน้า กรณีนี้เงินค่านายหน้าที่จ่ายไม่ถือว่าเป็นการจ่ายเพื่อจูงใจ เพราะจะขายได้มากหรือน้อยกว่ามาตรฐานปกติก็จ่ายทั้งสิ้น เงินนายหน้าดังกล่าวถือว่าเป็นการจ่ายเพื่อตอบแทนการทำงาน จึงเป็นค่าจ้าง

ข้อเสีย: อาจจะต้องรอนานกว่าจะได้รับค่าคอมมิชชั่น ถ้าลูกค้าเลิกใช้บริการหรือยกเลิกสมาชิก คอมมิชชั่นก็จะหายไปด้วย

ยุคนี้ก็ถือว่าหัวหน้าหรือเจ้าของกิจการที่คุณทำงานอยู่ด้…

หากต้องการดูหรือเพิ่มความคิดเห็น ลงชื่อเข้าใช้

Report this page